Sat 20 Apr 2024 08:45:48

Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - ตูดหมึก™

Pages: [1]
1
รถเราขับทุกวันให้สังเกตอาการผิดปกติกันด้วยนะครับ เพื่อการแก้ไขได้ทันท่วงที ประหยัดงบ (เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย )
อาการเสียของจานจ่ายฮอนด้า
เป็นได้หลายอาการครับ เช่น
1.ลูกปืนแบริ่งแตกเสียหายจะมีเสียงดังเวลาเร่งเครื่อ ง
2.ซีลเสื่อมสภาพทำให้น้ำมันเครื่องไหลซึมเข้าไปในเรื อนของจานจ่าย เครื่องอาจจะสดุดได้ในบางจังหวะ
3.คอล์ยจุดระเบิกเสียหาย(อันนี้จะปัจจุบันทันด่วนมาก คือมันจะสตาร์ทไม่ติดเลย)
4.ignition modul เสีย ตัวนี้เรียกง่ายๆว่า ตัวช่วยจุดระเบิดแปลงสัญญาณเข้ากล่อง ECU เพื่อประมวลผลในการ รับรู้ว่า ไหนคือ ศูนย์ตายบน ไหนคือ สูบ1 และเครื่องยนต์หมุนไปกี่รอบแล้ว อาการแปลกอาจเกิดขึ้นได้เมื่อตัวนี้เสียคือ รอบสวิงไปมา ในบางจังหวะบางรอบ เครื่องสดุดในบางรอบบางช่วง บางครั้งก็ ไม่ติดเลยเมื่อสตาร์ท

รอบเครื่องสูงเวลาเข้าเกียร์ N
เกียร์ออโต้ ตอนสตาร์ทรถขับไป15นาทีแรกมันไม่เป็นอะไร แต่พอติดไฟแดงผมก็เข้าเกียร์N แล้วรอบเครื่องก็ตีถึง2500-3000รอบ พอไฟเขียวผมก็เข้าเกียร์D4 รถมันก็เลยกระตุกแรง มันเป็นอะไรเหรอครับ
- สายเกียร์ตึงไปทำให้เกียร์กระตุก รอบสูงเนื่องจากเซ็นเซอร์ลิ้นไม่ถูกต้อง (ต้องไม่เกิน 0.50-0.54โวล์ท) เมื่อเปิดสวิทช์กุญแจ
ตั้งรอบ
- มันอยู่ตรงลิ้นปีกผีเสื้ออะครับ มันจะเป็นตัวหมุนใช้ ไขควงแบนเสียบเข้าไปแล้วหมุนน่ะครับ อยู่ด้านบนของปีกผีเสื้อนะครับ หาดีๆ จะเจอครับ

นํ้ามันเครื่องหายครับทำไงดี
ลองเช็คตามขอบซีลต่างๆดูครับ ว่ามีคราบของน้ำมันเครื่องหรือปล่าว ถ้ามีก็รีบแก้ซะนะครับไม่งั้น โอกาศพังมีสูงนะครับ ถ้ายิ่งวิ่งเร็วๆ
ใช้รอบเครื่องสูงๆ แรงดันน้ำมันเครื่องก็จะยิ่งสูงขึ้นด้วยนะ ตอนนี้ก็หมั่นเช็คดูเรื่อยครับ คอยเติมบ่อยๆก่อนแล้วกัน
SENSER วัดไอเสีย
ผมอยากทราบว่าไอ้ตัวเช็คที่ติดกับไอ้เสีย มันทำหน้าที่อะไรบ้าง มีผลกับเครื่องอย่างไร แล้วถ้ามันเสียเราจะรู้ได้ยังไงครับ ขอความรู้หน่อยครับ
- เจ้าเซ็นเซอร์ที่ว่านี้ เป็นอุปกรณ์ชนิดหนึ่ง ที่เอาไว้ตรวจสอบ หลังการจุดระเบิดแล้วว่าการจุดระเบิดสมบูรณ์ตามเงื่อนไขหรือไม่ โดยจะอ่านที่แก๊สที่ออกมาประมาณ 5ชนิด รวมทั้งวัดความร้อนด้วยครับ

เมื่ออ๊อกซิเจนเซ็นเซอร์เสีย
ข้อมูลที่กล่อง อีซียู รับจากเซ็นเซอร์อาจจะไม่ต่อเนื่องหรือไม่ถูกต้องนัก ถ้าข้อมูลที่ส่งมาไม่ถูกต้อง กล่องจะไม่สามารถรับรู้ได้ว่าการเผาไหม้ ของเครื่องยนต์สมบูรณ์แค่ไหน เป็นเซ็นเซอร์ที่สำคัญมากๆตัวหนึ่งครับ
********* จะรู้ได้อย่างไรว่าเสีย ********** การเสียของเซ็นเซอร์ตัวนี้ ส่วนมากจะซ๊อตเพราะสายนำสัญญาณละลายเพราะความร้อนท่อ ไอเสีย(อาจจะเกิดจากความบกพร่องของช่างที่ ซ่อม) เพราะปกติสายเซ็นเซอร์จะถูกปกป้องเป็นอย่างดีอยู่แล้ ว อีกข้อที่ทำให้เสียก็คือ หมดอายุ โดยทั่วไป(อ่านในคู่มือประจำรถน่าจะได้ข้อมูลที่ถูกต้องครับ)
********** ถ้าเสีย? ********** ในระบบของ ฮอนด้าจะใช้โค๊ดไฟกระพริบ ที่หน้าปัทม์หรือที่กล่อง(ในรุ่นเก่าๆ) โดยไฟกระพริบนี้จะแจ้งเป็นโค๊ด โดยติดประมาณ 10 วิ นับเป็นเลข 10 ทุกๆ1วิ จะเป็นเลขหลัก เช่น ติด ค้าง10 วิ 3 ครั้ง และ กระพริบ ครั้งละ 1วิอีก6ครั้ง นับโค๊ดได้---16---ทีนี้เราก็ มาดู ว่า 16นี่คืออะไร
โดยทั่วไปแล้ว ออกซิเจนเซ็นเซอร์ของฮอนด้าจะเสียจะแจ้งโค๊ด 41 ครับ
Speed Sensor - ก้มมองตรงไปที่เกียร์ครับ จะมีเซ็นเซอร์อันหนึ่งเสียบอยู่มี่เกียร์ครับ เสียบอยู่ทางด้านบนครับ และที่หัวของมันจะมีปลั๊กไฟเสียบอยู่ด้วย

เวลา VTEC เปิดอยากให้มีไฟโชว์ทำไงครับ
- อันดับแรกถ้าคุณรู้แล้วว่าเส้นไหนเป็นสัญญาณจากกล่อง ไปหา โชลินอย์ลให้จัมพ์สายที่เส้นนั้นเลย จะมีสายไฟสองเส้นที่ไปเข้าตัวควบคุมSolinoid เส้นแดงจะมีไฟเข้าตลอด ต่อกับไฟบวกไว้ ส่วนเส้นขาวจะมาจากกล่อง ถ้าเทคเปิด เส้นขาวมันจะต่อลงกราวน์
ต่อกับ LED นะ ใช้ Resister ค่า 1K Ohm ดักไว้ หลอดจะได้ไม่ไหม้ ต่อขั้วบากเข้าไฟ ต่อขั้วลบไว้ที่สายเส้นสีขาวที่บอก เวิร์คและไม่มีผลข้างเคียงใดๆ เวลารอบถึงเทคเปิด มันก็จะมีไฟติดขึ้นมา

เรื่องปั๊มติ๊ก
อาการบางวัน start รถแล้วเสียงปั๊มติ๊กไม่ดังจะไม่สามารถ start ติดได้ หรือไม่อาการที่ร้ายแรงหน่อยก็คือ เวลาขับๆอยู่ รถก็ดับโดยไม่มีสาเหตุ แล้วพอเวลา start แล้วไม่ได้ยินเสียงปั๊มติ๊ก จะไม่สามารถ start ติดได้ อาการทั้งหมดนี้ เป็นที่ปั๊มติ๊กหรือป่าวพี่
ประมาณได้ว่ามี 3สาเหตุที่เป็นไปได้ คือ
1.ปั๊มติ๊กน่าจะใกล้พัง
2.เมนรีเลย์ มีปัญหา
3.กล่องไม่มีสัญญาณ FLR ออกมาสั่งเมนรีเลย์
ลองให้ช่างสายไฟหรืออู่ที่ทำประจำเช็คดูครับ

เวลาคอมแอร์ทำงาน รอบเครื่องจะตกลงมาก แต่แค่แป๊บเดียวนะนะบางทีเหลือประมาณ400-500RPM
1. ถอดสาย EACV ออก แล้ว Start เครื่อง
2. รอให้เครื่องร้อน แล้วปรับรอบ เอาประมาณ 800 rpm
3. เปิดไฟตา เปิดไฟสูง แล้วดูรอบอีกครั้ง ให้รักษารอบที่ 800
4. รอจนพัดลมหม้อน้ำทำงาน เช็คอีกรอบ
5. ดับเครื่อง
6. Reset fuse 7.5 A (ECU fuse) ประมาณ 20 วิ
7. เสียบสาย EACV เข้าตามเดิม แล้วเสียบ Fuse
8. Start เครื่อง สักพักแล้วลองเปิด Air
9. รอบควรจะไม่ตก หรือนิดหน่อย ถ้าตกมาก แสดงว่า EACV มีปัญหา

EACV คืออะไร
รถมีปัญหารอบเครื่องชอบตกและเกือบจะดับ เพื่อนแนะนำให้ลองล้างหรือเปลี่ยน eacv แต่ไม่รู้ว่ามันคือ ตัวอะไร และทำงานอย่างไร
มันคือตัวเปิด-ปิดลมเข้าทางท่อร่วมไอดี ง่ายๆก็คือมันจะเปิดให้อากาศผ่านเข้าไปท่อไอดี เมื่ออากาศไหลเข้ารอบมันจะสูงขึ้นตามแรงดันที่วัดได้ จาก map sensor แต่ eacv มันจะควบคุมโดย 2กรณี
1.เมื่ออุณหภูมิเครื่องยนต์ต่ำ น้ำจะถูกคุมโดย fast idle ที่อยู่ใต้ลิ้นปีกผีเสื้อ เมื่อน้ำไม่ร้อนแรงดันภายใน fast idle จะไม่มากทำให้แรง(ใช้ท่อยางเชื่อมต่อกัน)ดันที่เข้าไปคุม eacv จะน้อย อากาศจะไหลผ่านท่อร่วมได้เยอะ (สังเกตได้จากการวอร์มและรอบเครื่องสูงขึ้นตอนเช้า)
2.จากกล่อง กล่องจะรับสัญญาณกราวน์จากการเปิดแอร์ และสั่งให้ eacv เปิดอากาศ เพื่อชดเชยรอบที่ต่ำลงเนื่องจากโหลดของเครื่องยนต์มากขึ้นตามแรงฉุดของคอมแอร์
ปัญหาที่เกิดบ่อยๆคือตัว eacv มันจะสกปรกเนื่องจากท่อร่วม มีน้ำมันเครื่อง เข้าไปตาม ท่อหายใจของฝาครอบวาล์ว ทำให้ eacv ทำงานได้ลำบาก ล้างซะ อย่าลืมล้างขยะน้ำมันเครื่องในท่อร่วมด้วย เพราะถ้าล้างแค่ eacv เด๋วคราบน้ำมันเครื่องใน ท่อร่วมไอดี ก็จะทำให้ eacv สกปรกอีกครับ EACVท่อน้ำผ่าน 2รู ต้องมีรูที่ติดกับท่อร่วมไอดีนะครับ อีก 2รู ใต้ลิ้นปีผีเสื้อมันก็ มี2รูเหมือนกัน แต่ เรียกว่า FAST IDLE ครับ EACV valve เนี่ย มันติดกับท่อร่วมไอดี ซึ่งท่อร่วมไอดี จะมีไอน้ำมันเครื่องที่เป็นลักษณะของท่อหายใจที่ออกมาจากฝาครอบวาล์ว (ลองกลับไปดู ของจริงที่รถ) ไอน้ำมันเครื่องนี่ละ ไปติดอยู่ในผนัง ท่อร่วมไอดีถ้าเปิดลิ้นปีกผีเสื้อออกมาดู จะเห็นว่ามันดำมาก(คราบเขม่าเหล่านี้คือน้ำมันเครื่อง) และบางส่วนจะวิ่งเข้าไปใน EACV valve ทำให้สกปรกเร็ว
**การแก้ไขทำได้ด้วยตนเองเลยครับ
เอาไขควงปากแบนไขตัวตั้งรอบออกมา เอาออกมาเลยนะครับ
ติดเครื่องรถ เร่งเครื่องไว้ แล้วใช้น้ำยาล้างเขม่า(ซึ่งสมัยก่อนใช้ล้าง
คาร์บิว)หรือถ้า ไม่มี sonax เลยครับ ผมใช้บ่อย ฉีด แล้ว เร่งเครื่องค้างไว้....ซึ่งช่วงนี้ ควันจะขาวเหมือนรถขายไก่ย่าง ไม่ต้องตกใจฉีดไปเรื่อย หมดกระป๋องเลยครับแล้ว ติดเครื่องทิ้งไว้ สัก 30 นาที...คราวนี้มาล้าง EACV อีกรอบ จะเห็นเขม่าคราบเหนียวๆ ออกมาเยอะเลย เมื่อสะอาดแล้วใส่กลับเข้าไปใหม่ แค่นี้ก็ดีขึ้นแล้วครับ

ไฟ Check Engine ขึ้นเกิดได้จากสาเหตุไดบ้างครับ
เวลาคอมแอร์ตัดทำไมรอบเครื่องถึงตกลงมากเลยแล้วรถก็สั่นด้วย
การตั้งระบบไฟอ่อนแก่มีผลการจุดระเบิดมากน้อยเพียงได
- ไฟรูปเครื่องยนต์ จะเกิดขึ้นเมื่อมีการผิดปกติของระบบ PGM-FI (โดยรวมแล้วเป็นการตรวจสอบของระบบเครื่องหัวฉีด)
ถ้าไฟโชว์ แสดงว่ามีบางสิ่งที่ไม่ปกติ เช่น เซอร์เซอร์ สายนำสัญญาณต่างๆ แต่เท่าที่เจอมาบ่อยๆ จะเจอในรถที่วางเครื่องมาใหม่ช่างสายไฟหลงลืมหรือ ความครบของสายไฟที่ตัดต่อนั้นไม่สมบูรณ์ก็ เกิดปัญหาได้

- เวลาคอมแอร์ทำงาน จะมีโหลดของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้น รอบเครื่องยนต์จะตกลง ในระบบจึงมีสิ่งที่ป้องกันและชดเชยรอบเครื่องมิให้รอบเครื่องตกลงเยอะ โดยใช้อากาศป้อนเข้าท่อร่วมมากขึ้นโดยผ่าน EACV VALVE ถ้าวาล์วตัวนี้ ทำงานไม่ปกติหรือสัญญาณที่สั่งเซ็นเซอร์ตัวนี้ไม่ถูก สั่งออกมาจากกล่อง ก็เกิดปัญหารอบตกเมื่อเปิดแอร์ได้ หรือ EACV VALVE ตัวนี้เสียหรือสกปรก
- จานจ่ายของฮอนด้าเป็นแบบ delay style การหมุนปรับจะทำให้กราฟของ องศาจุดระเบิด ลดหรือเพิ่มไปทั้งกราฟ เช่น ถ้าเราตั้งองศาที่850รอบ/นาทีไว้ที่ 15องศา รอบที่ 6000 องศาจะเป็นที่ 28องศา(สมมุตนะครับ) แล้วเราเพิ่ม (ทำให้ไฟแก่ขึ้น) โดยหมุนจานจ่ายไปที่ 18องศา@850 RPM เท่ากับเราเพิ่ม อีก 3องศาทั้งกราฟ บางครั้งรอบปลายมันสูงเกินไป อาจจะน๊อคได้ อะไรแบบนี้ละครับ

knock sersor
ทำงานเมื่อ มีความถี่ 7กิโลเฮิร์ท
ปกติ map ทั่วไปของ ECU จะมี High Octane Fuel map กะ Low Octane Fuel Map รวมถึง High Octane Ignition Map หรือ Low Octane Ignition map ปกติจะใช้ map High Octane แต่พอมีสัญญานสั่งมาว่า น็อค ปุ้บ กล่องจะไปใช้ Low Octane ที่ตำแหน่ง รอบและ โหลดนั้นๆ นี่จึงเป็นปัญหา ของคนที่วางเครื่องฝาแดงมาเพราะ สเป็ก กำหนดไว้ว่าต้องใช้ octane100 เพราะกำลังอัดมันสูง รถจึงน็อก และวิ่งด้วย map Low octane ซึ่งไฟจะอ่อน ทำให้วิ่งไม่ออก
- ถ้าเป็นกล่องโมส่วนใหญ่ จะให้ Map ทั้ง คู่เหมือนกัน หรือ อีกนัยว่าไม่รับสัญญาน Knock Sensor เหมือน Power FC
- map Low Octane มีครบทุก address เหมือนกันครับ ไม่ใช่แค่รอบต้น
ซื้อ น๊อคเซนเซอร์ มาใส่แล้ว แต่ไฟที่หน้าปัดยังไม่หาย มีวิธีแก้ไหม
- โค๊ด 23แน่นอนหรือไม่ ถ้าใช่ ทำต่อไปนี้
1. เร่ง เครื่อง3000-4000 rpm 10 วินาที
2. ถ้าไฟเช็คขึ้นให้เช็คดูว่าโค๊ด23หรือไม่ ถ้าใช่ ถอดปลั๊กน๊อคเซ็นเซอร์ออก
3. เช็คว่า D3 จากpinout ของกล่อง ลงกราวน์หรือไม่? ถ้าลง.ไล่เปลี่ยนสายไฟซะ(อย่าลืมสายสัญญาณของ Ks sensor จะมีฉนวนหุ้มลงกราวน์) **ถ้าไม่ลงกราวน์จากขั้วปลั๊ก D3 ให้ลองเปลี่ยนกล่อง ECU

solinoid vtec
หากมันกำลังจะเสียจะแสดงอาการเตือนอย่างไร นอกจาก เทคไม่เปิด
เจอว่าตัวนี้เสีย แต่ใช่ไม่เสียอาจจะเสียได้ครับ อาการเสียที่ผมเจอคือเทคเปิดตลอด(solinoid)ค้างเมื่อ ทำงานไปแล้ว 1 ครั้ง คือเทคเปิดแล้วไม่ยอมปิดนั่นละครับ หรืออีกประเภทนึงก็ไม่ยอมเปิดให้น้ำมันเครื่องมาล๊อค ระบบวีเทคทำให้วีเทคไม่ทำงาน
การเตือนของส่วนนี้ กล่อง ECU แบบ OBD-l หรือจะเป็น OBD-ll ก็ตาม จะมีไฟกระพริบโค๊ดที่ 21 ครับ




หมายเหตุ ข้อมูลที่รวบรวมมานี้นั้นทั้งจากประสบการณ์ของผมเอง และจากการค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต(ขออภัยที่ไม่สามารถจำแหล่งที่มามา ณ ที่นี้ด้วยครับ)  :212 :212[/size]

2
Knowledge / Main Relay
« on: Fri 16 Oct 2015 10:22:12  »
Main Relay มีหน้าที่หลักๆแยกออกเป็นสองอย่างคือ  :51 :51
1.ตัดต่อไฟเลี้ยงจากแบตเตอรี่ที่ส่งไปเลี้ยงวงจรและเซ็นเซอร์ในส่วนต่างของรถ
2.ตัดต่อแหล่งจ่ายไฟของ Fuel Pump ภายในตัว Main Relay ซึ่งจะมีหน้าสัมผัสอยู่ด้วยกันทั้งหมด 2 หน้าสัมผัส ต่ออุนกรมกันอยู่ คือ อันหนึ่งสำหรับแหล่งจ่ายไฟหลัก ส่วนอีกอันเป็นของ Fuel Pump โดยหน้าสัมผัสแรกจะ ON ก่อน จากนั้นหน้าสัมผัสอันที่สองซึ่งเป็นของ Fuel Pump ถึงจะสามารถ ON ตามได้ สังเกตุได้จากเสียงดัง คลิ๊กๆ 2 ครั้งเวลาที่เราบิดกุญแจมาที่ตำแหน่ง ON พอหลังจากนั้นไฟเตือน Ignition ที่เรือนไมล์ก็จะดับลง

อาการเสีย
เท่าที่พบจะเป็นตอนที่อากาศร้อนๆ โดยเฉพาะหน้าร้อนนะครับ เวลาที่เราขับๆรถมาเรื่อยๆ แล้วต้องหยุดรถและดับเครื่องยนต์ จากนั้นภายในเวลาไม่นานเครื่องยนต์ก็ยังไม่เย็นลง และก็ทำการสตาร์ทเครื่องยนต์อีกครั้ง จะทำให้สตาร์ทไม่ติด สังเกตุดูที่เรื่อนไมล์จะเห็นไฟเตือนรูปเครื่องยนต์สีส้มติดค้างอยู่ และไฟบอกสถานะ การใช้งานในโมด sport สีเขียวที่มีตัว sอยู่ จะติดกระพริบเรื่อย และไม่ได้ยินเสียงหน้าสัมผัสของรีเลย์ต่อกัน เป็นเหตุผลทำให้สตาร์ทเครื่องยนต์ไม่ติด อย่างเช่นตอนที่เราขับมาร้อนๆ แล้วจอดดับเครื่องเติมน้ำมัน พอเติมเสร็จเครื่องยังร้อนอยู่จึงทำให้สตาร์ทไม่ติด
 
วิธีการตรวจสอบ ตรวจสอบตัว Relay
.....อันดับแรกให้ทำการถอด Main Relay ออกมาจากใต้คอนโซลทางด้านหน้าคนขับ (น็อต 10 mm)
.....ทำการตรวจสอบหน้าสัมผัสของ Fuel pump ก่อน ด้วยการต่อไฟบวกเข้าที่ขา 6 ของ relay และกราด์วที่ขา 8 จากนั้น
.....ทำการวัดความต่อเนื่องของหน้าสัมผัสระหว่างขา 5 และ ขา 7 ของรีเลย์ด้วยมโอห์มมิเตอร์ ถ้าวัดไม่ขึ้นแสดงว่าหน้าสัมผัสของ Fuel pump เสีย ต้องทำการเปลี่ยนใหม่ ถ้ายังใช้ได้ให้ทำขั้นตอนถัดไป
.....ทำการตรวจสอบหน้าสัมผัสหลักของ Main relay ด้วยการต่อไฟบวกเข้าที่ขา 5 และต่อกราด์วที่ขา 2 ของ รีเลย์ จากนั้นวัดความต่อเนื่องของหน้าสัมผัสโดยการใช้โอห์มมิเตอร์วัดคร่อมระหว่าง ขา 1 และ 3 ของ Main Relay ถ้ามิเตอร์ไม่ขึ้นแสดงว่าหน้าสัมผัสเสียให้ทำการเปลี่ยนใหม่ ถ้ายังใช้ได้ให้ทำการตรวจสอบขั้นถัดไป
.....ทำการตรวจสอบหน้าสัมผัสของ Fuel Pump อีกครั้งแต่เปลี่ยนจากไฟบวกที่เข้าขา 6 ไปเป็นขา 3 และทำการวัดหน้าสัมผัสอีกครั้ง ถ้าใช้ได้แสดงว่า Main Relay ปกติ ถ้าหน้าสัมผัสไม่ต่อกันให้ทำการเปลี่ยน Main Relay ตัวใหม่ ตรวจสอบสายไฟและขั้วต่อของ Relay
.....ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสวิตช์สตาร์ทอยู่ในตำแหน่ง off
.....ทำการถอด connector ออกจากตัว relay
.....ใช้โอห์มมิเตอร์ตรวจสอบความต่อเนื่องระหว่างขา 2(BLK)ของ Connector กับกราด์วที่ตัวถังจะต้องเชื่อมต่อถึงกัน ถ้าใช่ให้ตรวจสอบขั้นตอนถัดไป แต่ถ้าไม่ถึงกันให้ตรวจสอบสายไฟและการเดินสายไฟใหม่
.....ทำการวัดค่าแรงดันตกคร่อมระหว่างขั้วที่ 1 (YEL/BLU) และขั้วที่ 2 (BLK) ของขั้วต่อด้วยโวลต์มิเตอร์ จะต้องมีแรงดันไฟตกคร่อม ถ้าไม่มีให้ตรวจสอบฟิวส์ของ ECU ขนาด 10A ที่กล่องฟิวส์ และตรวจสอบสายไฟและการเดินสายไฟใหม่
.....ทำการต่อสายโวลต์มิเตอร์ระหว่างขั้วที่ 5 (BLK/YEL) และขั้วที่ 2 (BLK) จากนั้นบิดกุญแจไปที่ตำแหน่ง ON จะต้องมีแรงดันตกคร่อมเกิดขึ้น ถ้าไม่ให้ตรวจสอบฟิวส์หมายเลข 2 และการเดินสายไฟระหว่างสวิตช์สตาร์ทกับกล่องฟิวส์
 

          หลังจากที่ทำการตรวจสอบข้างต้นแล้ว แต่อาการที่เกิดขึ้นก็ยังเป็นๆหายๆ อาจเกิดมาจากปัญหารอยบัดกรีร้าว ทำให้เวลาที่อุณหภูมิสูงตะกั่วมีการอ่อนตัวและแยกออกจากกัน ทำให้นำไฟฟ้าได้ไม่ดี คือมีค่าความต้านทานมากขึ้น ทำให้แรงดันตกคร่อมน้อยลงไม่พอที่จะต่อหน้าสัมผัสรีเลย์ให้ถึงกันได้จึงทำ ให้สตาร์ทไม่ติด สามารถทำการถอดตัววงจรของรีเลย์ออกมาจากกล่อง แล้วทำการย้ำรอยบัดกรีทีเกิดการร้าวใหม่   

ผิดถูกอย่างไร ช่วยกันแก้ไขได้นะครับ  :212 :212 :212

3
การแก้ปัญหารอบตกเมื่อเปิดแอร์ของตูดหมึก.......

หลังจากที่ตูดหมึกได้มีการแก้ไขมามากมายไม่ว่าจะตั้งวาล์ว ล้างลิ้น EACV จนถึงขั้นเปลี่ยนอะไหล่ดังกล่าวก็ยังมีอาการรอบตก สั้นๆ นิดนิดให้รำคาญหัวใจแก่ๆ

จึงได้ลองทำการติดตั้งตัวชดเชยรอบแอร์ของโตโยต้าลองดูบ้าง(เค้าว่ามันดี)

ผลจากการติดตั้งเป็นที่น่าพอใจมากมาย รอบเมื่อแอร์ทำงานไม่มีอาการตกอีกเลย


ปล.ต้องขอบอกไว้ก่อนนะครับ การคิดจะติดตั้งตัวชดเชยรอบนี้ เราจะต้องทำรถให้สมบูรณ์เบื้องต้นเสียก่อนไม่เช่นนั้นก็ไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุนะครับ  และตัวชดเชยนี้ไม่ได้ทำให้แรงฉุดของแอร์ลดลงนะครับ  ทำแค่ทำให้รอบแอร์ไม่ตกเท่านั้น

มาดูขั้นตอนการติดตั้งแบบโอทอปกันเลยครับ


1.เริ่มจากการหาจุดที่จะติดตั้งก่อน สิ่งที่ต้องการคือท่อให้ลมเข้าในบริเวณท่อร่วม เน้นว่าต้องอยู่หลังลิ้นปีกผีเสื้อเท่านั้นตรงไหนก็ได้ที่มีท่อแวคคัมเหลือ



2. ลองจัดวางยึดตัวชดเชย แล้วนำท่อยาง (ท่อบนรับอากาศบริสุทธิ์ ท่อล่างเข้าท่อร่วม ) ที่เตรียมไว้มาเสียบหาระยะเพื่อจะทำการตัด ต่อ ให้สวยงาม ( ในส่วนของผมมีท่อเล็กให้เข้าจึงจำเป็นต้องมีท่อยาง 2 เส้นเพื่อลดขนาดให้พอดีกัน )





3.เมื่อได้ตำแหน่งของชิ้นงาน เราก็มาเริ่มไล่สายไฟกัน มี2 เส้นไม่มีไรมาก + - 
     สาย + ให้ไปจั๊มต่อกับสายไฟคอมแอร์ตรงๆเลย(สายไฟเส้นเดียว) ผมจั๊มหลังปลั๊กเพราะพื้นที่แคบไปหน่อย
     สาย - ก็ลงตัวถังปกติ





4.เสร็จแล้ว เทสว่าใช้งานได้ไหม สตาร์ทเครื่องเปิดแอร์ ถ้าปกติจะมีเสียงลมดูดให้ได้ยิน มีเสียงตัดต่อของตัวชดเชยทันที ที่แอร์ทำงาน
   ให้ปรับจูนรอบได้ตามที่ต้องการที่สกรู 6 เหลี่ยมได้เลยครับ



5.มาถึงขั้นตอนสุดท้ายก็เก็บรายละเอียดให้ดูเรียบร้อยกันนิดนึง
    - หากรองมาใส่ให้ท่อบนหน่อยนึงเพื่อป้องกันฝุ่น แบบผมนี่บอกก่อนน่ะว่าหากรองไม่ได้เลย โอทอป กันไป  :145



    -  เก็บท่อยางให้ดูดีมีตังค์นิดนึง :142



    - ใส่กระดูกงู เก็บสายไฟ + ให้สวยงาม และปลอดภัยไม่ให้ไฟบวกลงตัวถัง อีกหน่อย :67






4
ขออนุญาตเปิดกระทู้พารถคู่ใจเที่ยวตามสภานที่ต่างๆที่น่าสนใจ หรือที่ประทับใจ ของพี่ๆน้องๆ ครับ

เผื่อว่าเพื่อนสมาชิกเรากำลังลังเล อยากจะไป แต่กลัวรถไปไม่ได้ ถนนไม่ดีมั่ง โน้นนี่ จะได้เตรียมแผนการเดินทางได้ถูกครับ 

ผิดถูกยังไงรบกวนชี้แนะด้วยครับ 



ที่แรกของตูดหมึกก็หนีไม่พ้นเขาใหญ่ครับใกล้บ้านที่สุดไปบ่อยที่สุด








มิตติ้ง DME ทองสมบูรณ์คลับ ปากช่อง จ.นครราชสีมา


บ้านเรือ ณ หาดแม่รำพึง ระยอง




ธารน้ำไหลวังเณร อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา


ผาเก็บตะวัน วังน้ำเขียว




ดอยชัวร์ญ่าวิวสวย (ดอยอินทนนท์) จ.เชียงใหม่


โครงการหลวงรองเท้านารี ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่


ไร่สตอเบอรี่นภ-ภูผา Samoeng Chaingmai (สะเมิง เชียงใหม่)


หาดเตยงาม จ.สัตหีบ


ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล ฐานทัพเรือ สัตหีบ


เขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก


น้ำตกเจ็ดสาวน้อย  จ.สระบุรี


ทอสคาน่า ปากช่อง จ.นครราชสีมา


บ้านบึง จ.ชลบุรี


Verona at Tublan อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา


รวมพลคนขับแอคครอด The Walk Kaset-Nawamin

5







ข้อควรระวัง   ของมันแพง โปรดใช้ความนุ่มนวลด้วยนะครับ  :145 :145 :145

6
Knowledge / ถอดกันชน หน้า หลัง
« on: Fri 24 Apr 2015 16:30:28  »
สำหรับพี่ๆน้องๆที่คันไม้คันมืออยากลองของ ลองวิชาครับ

หน้า  :50



หลัง  :64

7
เป็นที่รู้กันดีว่ากรอบเรือนไมล์ของพวกเรามันแสนจะเปาะบางมาก แกะเมื่อไหร่เป็นต้องแตก หัก

สาเหตุหลักๆเพราะขันน๊อตยึด ออกไม่หมด และไม่ถอดแผงคอพวงมาลัยซะส่วนใหญ่

วันนี้เอามาแปะไว้ก่อนเผื่อใครหาข้อมูลครับ




8
ด้วยความที่ไม่ชอบเห็นอะไร แฉะๆ เลอะเทอะ  :142 ความคันจึงทำให้ต้องค้นหา

เรามาแก้ไขคราบน้ำมันที่เฉอะแฉะใต้จานจ่ายกันครับ



1. อะไหล่ 3 ชิ้น
          -  ซีลฝาครอบกะลา


          -  โอริงแกนจานจ่าย


          -  ซีลแกนจานจ่าย (ตัวใน)


          -  ไดอะแกรมกันลืม ตามแบบฉบับของชายชราแบบผม


2. ขั้นตอนการรื้อจานจ่าย


  ไล่ถอดน๊อตทุกตัวแต่ไม่ถอดสายไป(กลัวเสียบกลับผิด) เคล็ดลับน๊อตตัวไหนขันยากอย่าฝืน ให้ใช้ด้ามไขควงเคาะๆ ลงไปที่หัวน๊อตนั้นมันจะคลายง่ายขึ้นเพราะมันเป็นแหวนสปริง


  เจอแล้วซีลเจ้าปัญหา เสื่อมสภาพแข็งโป๊ก  แงะออกมาเลยครับ แล้วจัดของใหม่เข้าไปแทนที่อย่าใส่กลับด้านหละ
  เวลาใส่ของใหม่ให้วางซีลตรงๆ แล้วเอาลูกบล๊อกขนาดเล็กกว่าหรือเท่ากัน ตอกลงไปตรงๆ แล้วค่อยๆ ตอกไล่ๆ รอบๆ ให้สนิท



จากนั้นประกอบกับคืนเลยครับ
ใส่โอริงแกนจานจ่ายตัวใหม่


ใส่ซีลฝาครอบกะลาตัวใหม่


ไหนๆก็รื้อมาแล้ว หากระดาษทรายเบอร์ 1000 ขัดๆ ขี้ไคลซ่ะหน่อย



ทากาวปะเกนบางๆรอบๆหน้าแปลนซะหน่อยนะครับ กันเหนียว


ตอนเสียบเข้าไปไม่ต้องกลัวผิดนะครับบ่าทั้ง 2 ฝั่งจะไม่เท่ากัน ถ้าเสียบผิดจานจ่ายจะไม่สามารถสนิทได้แน่นอน ถ้าผิดก็เอาออกมาเล็งใหม่ให้ตรงร่องบ่า เสร็จก็ยึดน๊อต ลองเครื่องได้เลยครับ


9
เนื่องจากมีน้ำมันซึมเฉอะแฉะ น่าเกลียดน่ารำคาญ  จึงหาเรื่องเหนื่อยซักหน่อย

1.พาสอะไหล่ ทั้งชุด



2.เครื่องมือ
2.1 ไดอแกรมป้องกันการประกอบผิด ส่วนหมายเลข8 จะอยู่ที่ ปลายท่อไฮพาวเวอร์ :207

2.2 ชุดบล๊อกธรรมดาๆ


3. พร้อมแล้วเริ่มกันเลยครับ ตอนรื้อออกมาไม่มีรูปนะครับ


4. น๊อตยึดพู่เล่ตัวนี้ต้องไปให้ร้านยางยิงออก(จำง่ายๆ ยิงเข้าคือออก ยิงออกคือเข้านะครับ)



5. ค่อยๆ แกะ แงะ ออกทีละชิ้น ทีละชั้นตามไดอะแกรม แล้วจัดเรียงตามลำดับป้องกันการลืม ตอนประกอบกับคืน ทั้งนี้ผมเอาซีนตัวใหม่ไปวางคู่กับตัวเก่าด้วยเพื่อความชัวร์ ว่าเราสั่งมาพลาดตรงไหนไหม




6.ประกอบกลับคืน รื้อยังไงประกอบกลับอย่างเดิม โดยทำจากหลังมาหน้า แล้วไปร้านยางอีกครั้งเพื่อยิงน๊อตยึดพู่เล่ แล้วไล่น้ำมันพาวเวอร์ใหม่ครับ


7. ขั้นตอนไล่ลมน้ำมันพาวเวอร์ เมื่อประกอบเสร็จ เติม นมพ. แค่เลยขีด max แล้วสตาร์ทเครื่อง จากนั้นต้องให้เพื่อน เมีย ลูก (ใครก็ได้) ไปหมุนพวงมาลัยรถ ซ้ายสุด ขวาสุด ซัก 4-5 รอบ หรือจนกว่าจะรู้สึกว่าพวงเบาปกติก็พอ ส่วนเราก็คอยเติมน้ำมันพาวเวอร์ในช่วงนี้

10
Member's Gallery / ตูดหมึก
« on: Sat 07 Feb 2015 11:27:44  »

สภาพที่ได้มาครั้งแรก ก็สวยอยู่แล้ว


เริ่มเข้าสมัครสมาชิกคลับ เจอไอดอลในโคราช DME250
สงสัยว่าทำไมตาคนนี้ถึงต้องมีรถ 2 ค้น 2 สี (สวดยอด)ขออนุญาตเจ้าของรูปนะครับ


เริ่มยกตูดหน่อยนะ ต้อนรับสมาชิกใหม่ของ CB3THAILAND


ได้ล้อมาใหม่


ใส่ลิ้นหน้าซักนิด


ไฟมุมส้มซักหน่อย


กันสาดซักชุด


หรี่หลังแดงซักคู่ ตูดเป็ดยางแถมๆ


ตัดหมอกหลังซักอัน


ขายกล้วยหอมซ่ะแล้ว


จัดอ้วนเทาไฮเปอร์ด้านเข้าประจำการ


เดินทางไกลยามค่ำคืนไฟหน้าไม่สว่าง จัดโปรเจคเตอร์ไป สว่างทั่วไทย


มาแนวซิ่งก็ต้องอิมผ้ากระสอบซักคู่


เบาะหลังซักชุด


เท้าแขนให้หายเมื่อยซักชิ้น


ส่องแผนที่ยามค่ำคืน


H แดง DIY


คอนโทรนแอร์ไฟติดไม่ครบ ลองเปลี่ยนดูซักหน่อย


สีออกมาสวยดี


ลูกสาวอยากดูการฺ์ตูน จำใจจัดให้เค้า


พาพี่น้องคนบ้านเอง มิตติ้งคลับครั้งแรกที่ปากช่อง





11
เครื่อง F22A auto ไม่เทค มีออยน้ำมันเครื่อง แต่ไม่ได้ใส่เพราะหาท่อน้ำหลังเครื่องตรงรุ่นไม่ได้ ทั้งๆที่ไม่ได้ต่อท่อน้ำที่ฐานออยน้ำมันเครื่องแล้ว ปล่อยลอยไว้เลยทำไมมีน้ำไหลออกมาครับ  เติมน้ำหม้อน้ำปุ๊บ ก็ไหลออกมาเลยครับ




12
คือการนำรูปที่หล่อสุดๆ ไปฝากที่เว็บ  http://www.mx7.com/main/

ขั้นตอนง่ายๆ สบาย สบาย สไตล์เรา

1.เมื่อเข้าเว็บฝากรูปแล้วหน้าตาจะมาแบบนี้


2. ลากเคอเซอร์ไปวาง ที่ Keep original แล้วเลือก 640X480Px  จากนั้นเลื่อนเคอเซอร์ขึ้นบนไปคลิ๊กที่ กล่องสีเขียวด้านบน(Select Images )เพื่อไปเลือกรูปหล่อๆ


3. เมื่อ Select Images มันจะเด้งเข้าไปหารูปหล่อๆ โดยทันที คราวนี้ก็เลือกมาเลย เอาให้หล่อลากใส้กันเลย เมื่อเลือกได้ก็ดับเบิ้ลคลิ๊กที่รูปเลยครับ


4. จากนั้นรอซักคู่ รูปจะทำการโหลดมาฝากที่เว็บ หน้าตาแบบภาพด้านล่าง  จากนั้นไป copy BBCode [Full image] โดยวางเคอเซอร์ไปที่ช่องใต้คำว่า BBCode [Full image] แล้วดับเบิ้ลคลิ๊กมันจะเป็นสีน้ำเงินทับตัวหนังสื่อในช่องนั้นทันที จากนั้นเราก็คลิ๊กเม้าส์ด้านขวา คัดลอก ตัวหนังสือนั้นไว้เลยครับ



5. เมื่อคัดลอกแล้วก็กลับมาเปิดเว็บที่เราจะวางภาพกันอีกครั้ง แล้ววางข้อความที่ได้ copy ไว้แล้วลงในช่องที่เราใช้พิมพ์ถามตอบนี่เลยครับ เป็นอันเสร็จ


6. จะได้รูปที่สวยงามแบบนี้


ปล.ช่วยๆกันนะครับ ทำแบบนี้ นอกจากจะช่วยแบ่งภาระจาก server ของพวกเราแล้ว ยังช่วยให้รูปนั้นสวยงามชัดเจน ไม่ต้องเสียเวลาไป resize รูปที่เราถ่ายมาด้วยครับ

                                                        ควรมิควรแล้วแต่จะกรุณาครับ
                                             
   

13
 :212 สวัสดีครับพี่น้อง DME ที่น่ารักทุกท่าน
ยามว่างๆ ใช้เวลาว่างๆ ลมเย็นๆ เบียร์เย็นๆ
มาใช้งานแม่บ้านกันดีกว่า (หลังจากที่เค้าใช้งานเรามาเยอะแล้ว)

อุปกรณ์
- ไฟส่องแผนที่
- กล่องกระดาษ
- ปากกา/ดินสอ
- มีดคัซเตอร์(ใบใหม่ๆ)
- เทปพันสายไฟ
- เหล็กรู
- ไขควงแฉก
- เมีย (สุดท้ายนี่สำคัญมากสำหรับเพราะงานแบบนี้งานละเอียดนิดนึง "คนแก่ใจร้อนสายตาไม่ดี" แบบผมถ้าทำเองคงได้เปลี่ยนหลังคาเป็นซันลูฟแน่ๆเลย)

มาเริ่มกันเลยครับ
1. เริ่มเอาเรือนไฟส่องไปร่างแบบกับกระดาษแข็งก่อนเลยครับ



2. ได้รูแล้ว ลองเทสรูกันหน่อยครับ



3. เราใช้กระดาษแผ่นในเป็นแบบตอนไปร่างบนผ้าหลังคานะครับ ( ตัดให้กระดาษใหญ่กว่าเรือนไฟส่องฯ นิดนึงนะครับ แล้วค่อยๆเหลาๆ ผ้าหลังคาเอาครับ จะยัดตัวเรือนไฟส่องฯได้แน่นๆ ครับ



4. เมื่อร่างแบบได้ก็คัชเตอร์จัดการได้เลยครับ (งานนี้ถ้าผมทำเองคงต้องไปหาหมอนวดแน่ๆ)



5. ทะลุแล้วครับ เจอชุดสายไฟที่ลากไปไฟเก๋งพอดีเลย (บางคันไม่เจอเพราะเดินสายไฟใหม่ข้างเสา B )



6. สายไฟมา 3 เส้น อ่าว งง ดิผม อ่อๆ
เส้นที่ 1 สีดำ = กราวด์
เส้นที่ 2 ดำคาดขาวมาจากสวิตซ์ประตู
เส้นที่ 3 ขาวคาดฟ้า = ไฟ
จัดการต่อแค่ 2 เส้นพอ เส้น 1 และ 2  จากนั้นพันด้วยเทปให้แน่นๆ หนาๆ ไว้หน่อยเดี๋ยวไฟไหม้ เพราะอยู่บนหลังคาแล้วไม่รู้เทปจะเปือย หลุด ไปช๊อตเมื่อไหร่ เอาชัวร์นะครับ



7. จัดการกับ รู และ สาย เรียบร้อย มายุ่งกับขากันดีกว่าครับ ผมใช้วิธีประหยัดเงินและเวลานะครับ ไม่ได้ถอดผ้าลงมาตัด ขามันเลยออกมาหน้าตาไม่ดี แต่ใช้งานได้ดีครับ
     จากภาพ ก่อนใส่ผมขันแน่น1ข้างก่อน  แล้วอีกข้างร้อยน๊อตไว้ ขันตอนใส่ฝั่งไปแล้วตอนขันแรกขามันจะหมุนๆแล้วไปเจอจุดที่มันขวางทางขาไว้พอดีคราวนี้ก็เร่งน๊อตเข้าไปได้สบาย
ปล. ที่ผมเตือนไว้ตอนแรกอ่ะครับให้เจาะผ้าเล็กกว่าตัวเรือนไว้ก่อนนะครับ เพราะจริงๆ แล้วถ้าไม่ใส่ขาก็อยู่ครับ แต่ตัวเรือนไฟส่องมันไม่แนบสนิทกับผ้าดูแล้วไม่หล่อ



8. เรียบร้อยครับ งานออกมาใช้งานได้ดีพอรับได้ระดับนึง

 :212 :212 :212 :212 :212

14
Do It Yourself / การตั้งไฟหน้า
« on: Sun 25 Jan 2015 15:55:51  »
ขออนุญาติลองโพสกระทู้แรกของผมนะครับ  รบกวนพี่ๆ น้องๆ ช่วยเสริมข้อมูลละเอียดกว่านี้ด้วยนะครับ



จากรูปนี้ คือด้านหลังของ ไฟหน้าด้านขวาของรถ
เบอร์ 1. ปรับซ้าย -ขวา
เบอร์ 2. ปรับขึ้นลง ครับ
เบอร์ 3. ก็ต้องขันรัดให้ได้ส่วนสัดของไฟครับ (ส่วนใหญ่ถ้าไม่เคยถอดโคม ก็ไม่ต้องไปยุ่งกับมันครับ)
สำหรับไฟต่ำนะครับ
ส่วนไฟสูงก็หมายเลข 4-5 ทำเหมือนกับ ไฟต่ำครับ


อ่านแล้วจะงง ลองทำตามพื้นฐานก่อนครับ
หันหน้ารถเข้าหากำแพง ห่าง 5 เมตรโดยประมาณ  ก็เริ่มหมุนๆ แล้วมองที่กำแพงดูครับพี่ ระหว่างทำใช้ผ้าปิดไฟอีกด้านไว้ด้วยนะครับ(ทำทีละข้าง)

Pages: [1]